เทคนิค..รากจตุรทิศ มะปรางหวาน 1ปี..มีลูก
11May,17
มะปรางหวาน-มะยงชิด ปกติต้องใช้เวลาปลูกอย่างน้อย 3 ปี เจ้าของถึงจะได้ลิ้มรสความหวานอร่อย แต่วันนี้เกษตรกรนครนายกค้นพบเทคนิคใหม่…ปีเดียวติดผล!!!
นำตอต้นมะปรางป่ามาเสริมรากมะปรางหวานแบบจตุรทิศ หรือ 4 ราก
“วิธีการเสริมรากจตุรทิศให้กับต้นมะปรางหวานนี้ จะต้องเริ่มด้วยการเพาะกล้าต้นตอมะปรางป่าในถุงเพาะชำให้มีขนาดลำต้นประมาณเท่านิ้วแม่โป้ง ก่อนจะตัดกลางลำต้นนำไปทาบกิ่งมะปรางหวาน หรือมะยงชิด ที่ลำต้นมีขนาดประมาณ 3 นิ้วขึ้นไป หรือเท่าแขนของคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว” นายชวลิต โสวรรณตระกุล เกษตรกรชาวสวนมะปราง ต.เขาพระ อ.เมืองนครนายก ผู้ค้นพบเทคนิคพิเศษ เผยเคล็ดลับความสำเร็จในการเสริมรากทำให้กิ่งตอนมะปรางหวานออกลูกได้ เร็วกว่าปกติ
การกรีดการทาบ วิธีการเหมือนกับทาบกิ่งผลไม้ทั่วๆไป แต่ต้องใช้สายตากะระยะให้ต้นตอที่ทาบ อยู่ในตำแหน่ง 4 ด้านของลำต้นอย่างพอดี จากนั้นจึงใช้เทปหรือพลาสติกพันโดยรอบของจุดทาบกิ่ง ถึงจะแกะถุงรากต้นตอทั้ง 4 ถุงออกไปแล้วจะใช้ถุงพลาสติกพันที่บริเวณด้านล่างของกิ่งที่ทาบ ใส่ขุยมะพร้าวผสมน้ำยาเร่งรากลงไปให้เต็มถุง หุ้มตุ้มรากต้นตอให้มิดชิด จึงพันเทปพลาสติกคลุม แต่ให้อยู่ใต้บริเวณจุดทาบกิ่งเพื่อสะดวกในการแกะดูว่าการทาบต้นตอกับกิ่งติดกันแน่นหรือยัง
“จากนี้ไปใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือนเป็นอย่างน้อย ให้สังเกตดูกิ่งมะปรางหวานที่ถูกทาบเกิดการทิ้งยอดหรือใบร่วงหมดแล้ว จากนั้นจะออกใบใหม่ที่เรียกว่า ใบเพสล หรือใบที่ไม่อ่อนไม่แก่ จึงสามารถตัดกิ่งตอนนำมาปลูกลงดินได้”
แต่ถ้ากิ่งยังไม่ทิ้งยอด หรือไม่ออกใบเพสลาด ยังไม่ควรตัดเพราะจะไม่มีใบไว้รับแสงแดดเพื่อปรุงอาหารเลี้ยงลำต้น จุดสำคัญอีกอย่าง ต้องดูว่ารากของต้นตอออกมาเต็มที่หรือยัง โดยการรดน้ำตุ้มรากหาก 1–2 วันน้ำแห้งไว นั่นหมายความว่า รากมีประสิทธิภาพในการดูดน้ำแล้ว จึงนำไปปลูกลงดินได้
จากการทดลอง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าต้นกิ่งพันธุ์มะปรางที่ทาบรากจตุรทิศ เป็นการเพิ่มช่องทาง หรือเพิ่มปากดูด อาหารให้กับลำต้นได้ดี เพียงตัดกิ่งตอนนำลงไปปลูกแค่ปีเดียวมะปรางหวานก็ให้ลูกได้แล้ว ซึ่งเร็วกว่าการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเดิมๆ…แน่นอนว่า สนนราคากิ่งพันธุ์จะสูงกว่า แต่เมื่อคิดคำนวณระยะเวลาการปลูก ค่าปุ๋ย ค่าดูแลรักษาที่เสียไป ถือว่าคุ้มค่ากว่า ใครสนใจไปหาชมได้ที่ “งานมะยงชิด–มะปรางหวานนครนายก” 25 มี.ค.-3 เม.ย.นี้ หน้าศาลากลางจังหวัดนครนายก หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ 08-1762-4082 และ 08-9248-6401.
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/412284