แกะเปลือก “จูฮง” ลิ้นจี่ไร้เทียมทาน หอม หวาน เนื้อแห้งกรอบ เมล็ดลีบเล็ก
“ลิ้นจี่อะไร ราคากิโลหนึ่งตั้ง 400 – 600 บาท”
หนึ่งเสียงสะท้อนความรู้สึกผ่านทาง เฟสบุ๊ค จูฮง ลิ้นจี่ไร้เทียมทาน ของ “นฤดม” หรือ สิงห์ พิสิษฐเกษม เกษตรกรเจ้าของสวนลิ้นจี่พันธุ์จูฮง แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มนำผลผลิตออกปรากฏโฉมสู่ท้องตลาด โดยจำหน่ายผ่านทางสื่อออนไลน์ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า จนทำให้ผลผลิตลิ้นจี่พันธุ์จูฮงที่ออกมาในปี 2561 ไม่เพียงพอกับความต้องการ
“นฤดม” หรือ “สิงห์ พิสิษฐเกษม” สำหรับในวงการเกษตรไทยแล้ว ไม่ใช้เกษตรกรมือใหม่ เพราะหนึ่งในธุรกิจสร้างชื่อ คือ เป็นเกษตรกรเจ้าของ เพอคูล่า ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูน ชื่อดังตั้งอยู่ที่ตำบล
แสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม
จากเกษตรกรเจ้าของฟาร์มปลาสวยงาม แล้วทำไมจึงกลายเป็นเกษตรกรเจ้าของสวนลิ้นจี่ มีคำตอบว่า..
“ส่วนตัวผมเองแล้ว เป็นคนที่ชอบทำเกษตร และเมื่อโอกาสทำในเรื่องใดแล้ว จะทุ่มเทศึกษาทำอย่างจริงจัง ซึ่งการเพาะเลี้ยงปลาการณ์ตูน เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมทุ่มเทจนอยู่ในขั้นประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ ส่วนลิ้นจี่พันธุ์จูฮงนี้ ผมมองว่า จะเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่ช่วยทางเลือกใหม่ๆให้กับวงการเกษตร เพราะมีคุณภาพที่ดีและข้อเด่นแตกต่างจากลิ้นจี่ทุกสายพันธุ์ที่มีอยู่ในประเทศไทยเวลานี้”
ทั้งนี้ ความเป็นมาของลิ้นจี่พันธุ์จูฮงนั้น ต้องย้อนหลังกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ในสมัยที่เกษตรกรผู้นี้อยู่ในวัย 21 ปี
“สมัยก่อนนั้นคุณพ่อผม จะชอบไปซื้อผลไม้ที่ตลาดน้อย ซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่ของกรุงเทพมหานคร อยู่เป็นประจำ และผลไม้ชนิดหนึ่งที่ชอบและซื้อรับประทานอยู่เป็นประจำ คือลิ้นจี่ โดยพ่อค้าที่รู้จักจะสั่งนำเข้ามาจากประเทศจีนโดยตรง ทำให้ผมได้มีโอกาสรับประทานลิ้นจี่ที่มีคุณภาพดีอยู่เป็นประจำ”
“และมีอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่พ่อค้าจัดหามาให้ มีลักษณะแปลกกว่าทุกสายพันธุ์ที่ผมเคยรับประทาน คือ มีเมล็ดเล็ก รสชาติหอมหวาน พอทานแล้วทำให้ผมติดใจ จึงเกิดความคิดว่า น่าจะเก็บเมล็ดมาเพาะเพื่อปลูกไว้รับประทานเอง”
พี่สิงห์ เล่าต่อไปว่า แต่เมล็ดหลายชุดที่เก็บมาเรียกว่า 2 – 3 ปีแรกไม่ได้ผล เพาะไม่ขึ้นสักต้น แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม พัฒนาใหม่ คัดเฉพาะผมเมล็ดที่มีลักษณะสมบูรณ์มาเพาะ ปรากฏว่า ประสบผลได้ต้นลิ้นจี่มาประมาณ 70 ต้น
“ดีใจครับ เอาไปปลูกที่สวนเลย ผมมีสวนอยู่ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ผมก็ปลูกไว้ทั้ง 70 ต้น ต้นเจริญเติบโตดีครับ แต่ไม่มีผล เป็นอย่างนี้อยู่ 8 ปี พอปีที่ 9 ปรากฏว่า พื้นที่บริเวณนั้นมีสภาพอากาศเย็นมาก ต้นลิ้นจี่ที่ปลูกไว้ติดดอกออกผลครับ ดีใจมาก เก็บมากินทุกต้นพร้อมกับทำการคัดสายพันธุ์เลือกต้นที่ดีที่สุดไว้ คือ ต้องเป็นต้นที่เมล็ดลีบเล็ก เนื้อหนา หวาน คัดมาได้ 3 ต้นครับที่มีลักษณะตามต้องการ”
“ผมก็ศึกษาเปรียบเทียบมาโดยตลอดหลายปีว่า ลิ้นจี่ของผมนี้เหมือนกับสายพันธุ์ลิ้นจี่ที่ปลูกกันในเมืองไทยไหม พบว่าลิ้นจี่พันธุ์จูฮงมีลักษณะที่แตกต่างไม่เหมือนกับสายพันธุ์ใดๆ แล้วทำไมจึงชื่อจูฮง อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวครับ คำว่า จู หมายถึง ไข่มุก ส่วน ฮง นั้น คือ พญาหงส์ เลยนำมาตั้งเป็นชื่อของลิ้นจี่พันธุ์ใหม่พันธุ์นี้”
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พี่สิงห์ได้เฝ้าดูแลต้นแม่พันธุ์ที่ถือว่าสุดยอดที่สุดของสวนที่อำเภอแก่งคอย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 76 หมู่ 10 ตำบลชำผักแพรว และขยายพันธุ์นำไปปลูกที่สวนใหม่ที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน บนพื้นที่ประมาณ 30 ไร่
“ที่สวนอำเภอทุ่งช้างแห่งนี้ อายุต้นลิ้นจี่อยู่ที่ 15 ปีแล้วครับ เดิมนั้นผมไม่เคยนำผลผลิตออกไปจำหน่ายที่ไหนเลย รับประทานกันในครอบครัว กลุ่มญาติพี่น้อง กลุ่มเพื่อน แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มทำการตลาด โดยผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งมีผลตอบกลับมาดีมาก ตอนนี้เลยวางโครงการต่อไปว่า จะนำไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพมหานคร และตลาดใหญ่ๆ อย่าง อตก. เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองกินกัน การรันตีเลยว่า ต้องติดใจกับรสชาติของลิ้นจี่จูฮงแน่นอนครับ”
สำหรับสวนที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ตั้งอยู่เลขที่ 64 หมู่ 1 ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
พี่สิงห์บอกอีกว่า ลิ้นจี่พันธุ์จูฮงนั้น เป็นลิ้นจี่พันธุ์กลาง จะเริ่มให้ผลผลิตมากในช่วงปีที่ 3 ของการปลูก โดยออกดอกช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ผลแก่ประมาณเดือนพฤษภาคม
การปลูกลิ้นจี่พันธุ์จูฮงของสวนที่อำเภอทุ่งช้างจะใช้ขนาด 6 x 6 เมตร เพราะเป็นขนาดที่เหมาะสม ทำให้มีการเจริญเติบโต แผ่ทรงพุ่ม และการถ่ายเทอากาศดี
“ด้านการจัดการดูแลต้นลิ้นจี่พันธุ์จูฮงนั้น ต้องบอกว่า ด้วยเป็นสายพันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ทำให้ปลูกง่าย โตไว โดยรวมแล้ว จึงไม่มีข้อแตกต่างจากปลูกและดูแลลิ้นจี่พันธุ์อื่นๆที่มีในเมืองไทย ไม่ว่าสภาพอากาศ สภาพพื้นที่ปลูก ลักษณะการเจริญเติบโต ระยะเวลาการให้ผลผลิต เรียกว่าที่ไหนปลูกลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิ์ พันธุ์ฮงอวยได้ ที่นั่นก็สามารถปลูกลิ้นจี่พันธุ์จูฮงได้เช่นกัน ไม่ว่าภาคเหนือ หรือภาคอีสานบริเวณติดริมแม่น้ำโขง”
แต่สิ่งที่ลิ้นจี่พันธุ์จูฮงแตกต่างจากลิ้นจี่พันธุ์อื่นๆที่ปลูกกันในเมืองไทย คือ รสชาติ ความหวาน ลักษณะเนื้อ และขนาดของเมล็ด
“สาเหตุที่ทำให้แตกต่าง นอกจากความโดดเด่นของสายพันธุ์ของลิ้นจี่ชนิดแล้ว ยังมาจากที่เราใส่คัดเลือกต้นพันธุ์ที่อร่อยที่สุด ลักษณะดีที่สุดด้วย จึงส่งผลให้เกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่การติดของผลที่ดก ลูกใหญ่มีขนาดสม่ำเสมอ ออกลูกเป็นพวง ลักษณะผล เปลือก จะมีสีสวย เปลือกมีความหนาพอดี และเมื่อแกะเปลือกออกเนื้อจะแห้งไม่ฉ่ำน้ำ”
“ส่วนของเนื้อผลลิ้นจี่ นอกจากจะหนา กรอบแล้วยังมีความหอมมากทีเดียว และมีความหวานตามธรรมชาติโดยไม่ต้องเร่งด้วยปุ๋ยแต่อย่างไร อันเป็นผลเนื่องมาจากสายพันธุ์ของเขาดี”
“และถ้าลองมาทานแบบลูกที่ยังไม่แดงสุกมาก มีสีผลเป็นแบบออกเขียวเหลืองนิดๆ จะมีรสชาติออกไปทางหวานอมเปรี้ยวนิด ๆคือ หวานประมาณร้อยละ 90 ส่วนอีกร้อยละ 10 จะเป็นรสเปรี้ยว ทำให้ได้รสชาติที่อร่อยไปอีกแบบ ผมคิดว่าหากได้ลองชิมแล้วต้องชอบแน่นอน” พี่สิงห์กล่าว
และที่สำคัญเมล็ดลีบเล็กถึงร้อยละ 90 อันนี้สามารถมาพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองเลยครับที่สวน เรียกว่าเด็ดลูกจากต้นมากิน จะพบว่าน้อยมากที่จะเจอแบบเมล็ดใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดลีบเล็ก
“ที่น่าสนใจอีกประการคือ จูฮง เป็นลิ้นจี่ที่สามารถติดผลตามกิ่งใหญ่ภายในลำต้นได้ด้วย การติดผลลักษณะนี้ทำให้มีข้อดีคือ ได้ผลที่สมบูรณ์สวยมากกว่าผลที่ติดบริเวณปลายยอด ขณะที่ในส่วนของโรคแมลงศัตรูที่ผ่านมาในสวนของผมพบน้อยมาก” พี่สิงห์กล่าวโดยสรุป
ลิ้นจี่พันธุ์จูฮง จึงนับเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ในการสร้างสีสันความแตกต่างเพื่ออาชีพเพื่อรายได้ ที่จะเป็นทางเลือกสำหรับผู้สนใจ โดยสามารถติดต่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 08–1313– 6324 หรือที่สวนอำเภอทุ่งช้าง โทร. 09- 6068-8748
ที่มา: https://www.kasetkaoklai.com/home/2018/05/แกะเปลือก-จูฮง-ลิ้นจี่/