อ้อยพันธุ์ใหม่ ‘อู่ทอง 14 – อู่ทอง 15’
22Mar,17
กรมวิชาการเกษตรประสบผลสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์อ้อยพันธุ์ใหม่ 2 พันธุ์ “อู่ทอง 14” “อู่ทอง 15” ให้ผลผลิตสูงถึง 18-28 ตันต่อไร่ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่แก่เกษตรกร
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตร ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์อ้อยพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 2 พันธุ์ คือ “อ้อยพันธุ์อู่ทอง 14” และ “พันธุ์อู่ทอง 15” คณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืชได้ประกาศเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นทางเลือกให้ชาวไร่อ้อยที่ต้องการใช้พืชพันธุ์ใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะการเพิ่มผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น
สำหรับอ้อยพันธุ์อู่ทอง 14 เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์แม่ 84-2-646 กับพันธุ์พ่ออู่ทอง 3 ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุพรรณบุรี อ้อยพันธุ์นี้มีลักษณะเด่นคือ ปลูกในพื้นที่ดินด่าง pH 7.8 ให้ผลผลิตน้ำหนักเฉลี่ย 21.19 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ K84-200 ที่ให้ผลผลิต 14.96 ตันต่อไร่ คิดเป็น 42% และให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 3.34 ตันซีซีเอสต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ K84-200 คิดเป็น 58%
หากปลูกในดินด่างชุดตาคลีที่มี pH 8.1 จะให้ผลผลิต 17.1 ตันต่อไร่ ส่วนในดินด่างชุดลำนารายณ์ที่ค่า pH 8.0 จะให้ผลผลิตน้ำหนักเฉลี่ย 27.32 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ LK92-11 และเมื่อปรับปรุงดินด้วยการใส่กำมะถันผงในอ้อยปลูก จะให้ผลผลิตสูงถึง 28.64 ตันต่อไร่ ขณะที่พื้นที่ปลูกปลายฝนเขตน้ำฝน จะให้ผลผลิตเฉลี่ย 18.28 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ LK92-11 ที่ให้ผลผลิต 16.56 ตันต่อไร่ คิดเป็น 10% และให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.57 ตันซีซีเอสต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ LK92-11 คิดเป็น 8% สำหรับพื้นที่ปลูกต้นฝนเขตน้ำฝนให้ผลผลิตเฉลี่ย 12.53 ตันต่อไร่
ส่วนอ้อยพันธุ์อู่ทอง 15 เป็นลูกผสมตัวเองของพันธุ์อู่ทอง 2 มีลักษณะเด่น คือ ถ้าปลูกในดินร่วนปนทรายจะให้ผลผลิตน้ำหนักเฉลี่ย 16.97 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ K84-200 ที่ให้ผลผลิต 15.08 ตันต่อไร่ คิดเป็น 13% ทั้งยังสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ที่ให้ผลผลิต 15.55 ตันต่อไร่ คิดเป็น 9% และให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.47 ตันซีซีเอสต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ K84-200 คิดเป็น 11% และสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง3 คิดเป็น 5%
สำหรับพื้นที่ปลูกปลายฝนเขตน้ำฝนให้ผลผลิตน้ำหนักเฉลี่ย 17.91 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ LK92-11 ที่ให้ผลผลิต 14.53 ตันต่อไร่ คิดเป็น 23% และให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.37 ตันซีซีเอสต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ LK92-11 ประมาณ 12% เป็นต้น
สนใจสอบข้อมูลได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุพรรณบุรี โทร.0-3555-1543, 0-3555-1433
แหล่งที่มา: http://www.komchadluek.net/news/detail/215144