PARICH | CARE.MORE

Sorry, this entry is only available in Thai. For the sake of viewer convenience, the content is shown below in the alternative language. You may click the link to switch the active language.

พี่น้อง 2 สาว ลาออกจากอาชีพสาวโรงงาน ตัดสินใจกลับบ้านเกิด จ.จันทบุรี ช่วยกันพลิกฟื้นผืนนา 2 ไร่ ให้กลายเป็น “ไร่นาสวนผสม” เก็บพืชผล เลี้ยงปลาขาย ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ประหยัดอดออม ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง วันที่ 9 พ.ย. 2559 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สุรีย์พร สระแก้ว และ น.ส.กมลพรรณ ชายหาด สองพี่น้อง ชาวเขาตาหน่วย ต.เกาะเปริด (เกาะ-เปิด) อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี จากที่เคยใช้ชีวิตเป็นสาวโรงงานใจกลางเมือง ตัดสินใจหันหลังเดินกลับบ้านเกิด มีชีวิตอยู่กับธรรมชาติในผืนนา จากมรดกตกทอดของพ่อแม่ เพียง 2 ไร่เศษ ตั้งใจศึกษาข้อข้อมูลต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต กระทั่งพบแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 น.ส.สุรีย์พร สระแก้ว เปิดเผยว่า สาเหตุที่ลาออกจากงานมา เพราะรู้สึกเหนื่อยกับงานประจำที่ไม่มีวันเจริญก้าวหน้า ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเกิด เริ่มต้นงานใหม่โดยการไปสมัครเป็นแม่บ้านของคนในหมู่บ้าน และเมื่อว่างเว้นจากงานบ้าน จึงลงมือพลิกฟื้นผืนนา 2 ไร่เศษ ให้เป็นแหล่งน้ำจืดจำนวน 1 ไร่ โดยการจัดแบ่งแหล่งน้ำจืดเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นบ่อดิน และอีกส่วนเป็นบ่อปูด้วยแผ่นยางใช้กักเก็บน้ำจืดในหน้าฝน ซึ่งทั้ง 2 บ่อ ได้เลี้ยงปลากะพง, ปลานิลจิตรลดา และปลาดุก “สำหรับผืนที่ดินว่างเปล่าอีก 1 ไร่เศษ ได้ปลูกพืชผักสวนครัวนานาชนิด แบบไร่นาสวนผสม โดยใช้อินทรีย์ชีวภาพที่เป็นปุ๋ยที่เกิดจากการหมักของซากสัตว์ซากพืช นอกจากนี้ ยังได้ทำการเพาะเห็ด, เลี้ยงไข่เป็ด, ปลูกยอดชะอมแนวรั้ว ริมขอบสระ สามารถเก็บขายสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ วันละ 300 บาท น.ส.สุรีย์พร กล่าวต่อว่า ส่วนพืชสวนครัวตัวอื่นๆ ก็สามารถสลับเก็บขายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกล้วยน้ำว้า, มะระ, มะละกอ และผักกูด สำหรับพืชผักที่ทำรายได้มากสุดคือ “มะนาวไข่” ทั้งนี้ พืชผักสวนครัวของตนเองล้วนแล้วแต่ปลอดสารพิษทั้งสิ้น การทำงานประกอบอาชีพทุกอย่างย่อมมีความท้อแท้ แต่ตนเองไม่เคยถอย อดทนสู้จนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี “ผืนดินที่เรามีอยู่ไม่มากนัก เราจึงพยายามทำให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุด พืชผล พืชผักต่างๆ เก็บขายให้แม่ค้าได้ทุกวัน พอเพียงเลี้ยงชีพ ถือว่าดีกว่าไปเป็นลูกจ้างในโรงงาน และที่เราสองคนประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ เพราะยึดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องมีความอุตสาหะ ความอดทน การมีเมตตาและรู้จักประหยัดอดออม เท่านี้ก็สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข” น.ส.สุรีย์พร กล่าว. แหล่งที่มา: http://www.thairath.co.th/content/778316