หน่อไม้ฝรั่ง ปลูกกินปลูกขายได้ไม่ยาก

Sorry, this entry is only available in Thai. For the sake of viewer convenience, the content is shown below in the alternative language. You may click the link to switch the active language.

หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชผักที่มีบทบาทสำคัญของประเทศไทยในปัจจุบัน ตลาดทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการสูงเนื่อง จากเป็นพืชผักที่ประกอบด้วย วิตามินเอ ซี บี บีคอมเพล็ก ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็กสูง 

สำหรับผู้ที่สนใจจะปลูกขั้นต้นต้องพิจารณาความอุดมสมบูรณ์ของดิน ต้องมีการปรับปรุงบำรุงดินโดยการใช้สารอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีทุกชนิดที่ก่อให้เกิดมลพิษทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ด้วยเป็นพืชผักเพื่อการบริโภค สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่หน่อไม้ฝรั่งจะเจริญเติบโตได้ดีจะอยู่ที่อุณหภูมิระหว่าง 27-30 องศาเซลเซียส มีแสงแดดจัดไม่มีร่มเงา ดินมีความเป็นกรดด่างที่ 6.0–7.5 มีการระบายน้ำดี ถ่ายเทอากาศดี หน้าดินลึก ไม่น้อยกว่า 50–70 เซนติเมตร มีแหล่งน้ำที่สะอาดปราศจากสารพิษปนเปื้อนตลอดฤดูปลูก 

การเตรียมดินปลูก หากเป็นพื้นที่ปลูกเชิงพาณิชย์ให้ใช้รถแทรกเตอร์ผ่าน 3 ไถดะ     ลึกประมาณ 30–40 เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว้ 15–30 วัน เพื่อกำจัดวัชพืชและโรคแมลงในดิน ใส่วัตถุปรับโครงสร้างดิน เช่น เปลือกถั่วต่าง ซังข้าวโพด แกลบ อัตรา 3–4 ตันต่อไร่ หรือใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หากเป็นดินร่วนและดินทราย ใช้ในอัตรา 3 ตันต่อไร่ ไถพรวนหว่านพืชตระกูลถั่ว กรณีใช้แกลบดิน ควรหมักในดินไม่ต่ำกว่า 4 เดือน เพื่อช่วยให้ดินโปร่งร่วนซุยอุ้มน้ำได้ดี และระบายน้ำดี แล้วจึงไถยกร่องแปลงปลูกขนาดกว้าง 2 เมตร 

ส่วนดินเพาะเมล็ดหน่อไม้ฝรั่งควรไถและเกรดให้สม่ำเสมอทำให้ดินร่วนซุย แล้วยกร่องเป็นรูปร่างเหมือนแปลงผักทั่วไป โดยใช้จุลินทรีย์แห้ง (โบกาฉิ) ไร่ละ 4 ถุงใหญ่ ประมาณ ถุงละ 25 กก. พรวนกับดินและรดหรือพ่นด้วยจุลินทรีย์น้ำให้ทั่ว เมล็ดหลังจากเปิดออกจากกระป๋องแล้ว ควรนำไปแช่น้ำจุลินทรีย์ (EM) อัตราส่วน 1:1000 ประมาณ 2 ชั่วโมง จึงนำไปเพาะในแปลงที่เตรียมไว้ โดยโรยเมล็ดและใช้ดินที่ผสมแล้วกอง ราดน้ำแล้วคลุมด้วยฟางข้าว ประมาณ 10-15 วัน จะมีต้นกล้าขึ้น เมื่ออายุได้ 18-25 วัน ต้นกล้าจะงอกขึ้นมา ให้รดด้วยจุลินทรีย์น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และรดน้ำทุกวัน การนำลงแปลงปลูกเมื่อขุดต้นกล้าขึ้นมาต้องให้มีรากติดขึ้นมาด้วย ไม่ควรตัดรากทิ้ง แล้วนำไปแช่ในน้ำผสมจุลินทรีย์ประมาณ 15 นาที จึงนำไปปลูกในแปลง โดยแปลงปลูกให้โรยจุลินทรีย์แห้งตามร่องที่ยกไว้ อัตราส่วน 50 กก.ต่อพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกระยะต้นห่างกันประมาณ 5 ซม. จากนั้นก็ให้น้ำตามปกติหรือจะใช้ระบบน้ำหยดก็ได้ ซึ่งควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ผลผลิตจะมีคุณภาพดี โดยเฉพาะช่วงย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูก ควรให้น้ำวันละ 1 ครั้ง ทุกวันหรือวันเว้นวัน ขึ้นอยู่กับสภาพดิน อุณหภูมิฝน แปลงที่มีความชื้นสูงไม่จำเป็นต้องให้น้ำ 

แต่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตจะต้องให้ทุกวันและไม่ควรให้ตอนเย็นเพราะอาจจะทำให้เกิดโรคระบาดได้ การให้น้ำในพื้นที่ดอน ระบบสปริงเกลอร์จะดีด้วยจะช่วยชะล้างโรคและแมลงบางชนิดได้ เช่น เพลี้ยไฟ เป็นต้น ประมาณ 3–4 เดือนหลังปลูกสามารถเก็บเกี่ยวได้โดยหน่อจะโผล่พ้นดินขึ้น ซึ่งไม่ควรปล่อยให้เกิน 3 วัน ต้องเก็บจำหน่ายทันที ถ้าปล่อยไว้ส่วนของปลายหน่อจะบาน กลายเป็นหน่อตกเกรดไป วิธีเก็บเกี่ยวทำได้โดยใช้มือจับโคนหน่อที่ติดกับดินที่มีความเขียวที่ 20–25 เซนติ เมตร แล้วดึงขึ้นในแนวตรง หากไม่ตรงจะทำให้หน่อหักในระหว่างการเก็บเกี่ยว 

ที่สำคัญอย่าให้กระทบกระเทือน เพราะจะทำให้หน่อที่เกิดใหม่ลดน้อยลง      ช่วงการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม เวลา 06.00–09.00 .

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/agriculture/611494

[fbcomments url="https://parichfertilizer.com/en/knowledge/%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%9d%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87-%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b9/" width="375" count="off" num="3" title="Comments" countmsg="wonderful comments!"]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save